

市場分析
ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุด จากกระแสคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย ก่อนสุนทรพจน์ของพาวเวล
John · 357.2K 閱讀

ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ จากแรงหนุนความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ นักลงทุนต่างจับตาสุนทรพจน์สำคัญของประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรม พาวเวล ซึ่งอาจบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต
พัฒนาการครั้งนี้ส่งผลต่อทั้งตลาดทองคำ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร แนวโน้มเงินเฟ้อ และทิศทางค่าเงินในระดับโลก
การปรับขึ้นของราคาทองคำครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความอ่อนไหวของทองคำต่อการสื่อสารของธนาคารกลางและจิตวิทยาตลาด ขณะเดียวกัน ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นตอกย้ำถึงความเปราะบางของความเชื่อมั่นนักลงทุน ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่ยังคงแสดงภาพผสมผสาน
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
ความคาดหวังต่ออัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ
แรงขับเคลื่อนหลักที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น คือความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะเดินหน้าวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง หลังจากการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตลาดเริ่มคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมทั้งในเดือนตุลาคมและธันวาคม
อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสของการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทน เมื่อดอกเบี้ยต่ำ ผลตอบแทนจากพันธบัตรและการออมลดลง ส่งผลให้ทองคำกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อยังคงเป็นประเด็นกังวล หากเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงเหนือเป้าหมาย อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอาจกลายเป็นลบ ซึ่งยิ่งหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น เงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับสูงควบคู่กับผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง อาจนำไปสู่การปรับพอร์ตการลงทุนครั้งใหญ่ในสินทรัพย์อื่น ๆ และเพิ่มความต้องการในสินค้าพื้นฐานอย่างทองคำ การถกเถียงระหว่างผู้กำหนดนโยบายว่าเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุมแล้วจริงหรือไม่นั้น ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอน ซึ่งมักเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการปรับขึ้นของราคาทองคำ
การเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐ
ราคาทองคำซึ่งถูกกำหนดเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ มักได้อานิสงส์เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ในปัจจุบัน ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำถูกลงสำหรับผู้ที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ และกระตุ้นให้เกิดความต้องการเพิ่มขึ้น (อ้างอิง Reuters)
ดอลลาร์ที่อ่อนค่ายังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อสินทรัพย์สหรัฐ เมื่อเทียบกับทางเลือกการลงทุนระดับโลก ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติหันมากระจายพอร์ตเข้าสู่ทองคำมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างทองคำกับค่าเงินดอลลาร์นี้มีมาอย่างยาวนาน และยังคงทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงที่สำคัญในช่วงที่ค่าเงินเผชิญแรงกดดันจากการอ่อนค่า
นอกจากนี้ ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าและการชำระหนี้ที่อ้างอิงสกุลดอลลาร์ อาจเร่งเพิ่มการถือครองทองคำเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน แม้จะเป็นแนวโน้มที่ค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็ช่วยสร้างแรงหนุนเชิงโครงสร้างให้กับราคาทองคำในระยะยาว
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
ความผันผวนทั่วโลก โดยเฉพาะความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อ ยังคงผลักดันให้นักลงทุนหันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงที่สำคัญตามประวัติศาสตร์ กำลังได้รับเม็ดเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านการค้า นโยบายการคลัง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อ้างอิง FXStreet)
นอกจากความขัดแย้งในระดับภูมิภาคแล้ว ความกังวลเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานโลกและความมั่นคงทางพลังงานที่ยังไม่คลี่คลาย ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังให้กับนักลงทุน ทองคำจึงยังคงทำหน้าที่เสมือน "กรมธรรม์ประกันความเสี่ยง" ในช่วงเวลาที่ไม่สามารถคาดเดาได้
ที่สำคัญคือ สถาบันการเงินและผู้จัดการกองทุนเริ่มแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำในพอร์ตการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงมากขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าทองคำไม่ได้ถูกมองเพียงแค่เป็นการเก็งกำไรระยะสั้น แต่เป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่มีบทบาทในระยะยาว
บทบาทของธนาคารกลาง
อีกหนึ่งปัจจัยที่อาจไม่เด่นชัดนัก แต่มีอิทธิพลต่อราคาทองคำมากขึ้นเรื่อย ๆ คือการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลาง หลายประเทศเลือกที่จะเพิ่มปริมาณเงินสำรองทองคำ ส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และอีกส่วนหนึ่งเพื่อกระจายการพึ่งพาค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ความต้องการในลักษณะนี้ช่วยเสริมโครงสร้างความแข็งแกร่งให้ตลาดทองคำ มากกว่าจะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวตามวัฏจักร (อ้างอิง Investopedia)
จากข้อมูลของ World Gold Council พบว่าปริมาณการเข้าซื้อสุทธิของธนาคารกลางยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ โดยประเทศอย่างจีน อินเดีย และตุรกี ต่างเพิ่มการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อราคาทองคำในระยะยาว
อุปสงค์ในเชิงโครงสร้างนี้ชี้ให้เห็นว่า แม้กระแสการเก็งกำไรอาจชะลอตัว แต่ระดับการเข้าซื้อพื้นฐานจากธนาคารกลางยังคงช่วยพยุงราคาทองคำให้อยู่ในระดับสูงได้ต่อไปในระยะกลาง
การตอบสนองของตลาด
ราคาและความเคลื่อนไหวล่าสุด
-
ราคาทองคำสปอตล่าสุดซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 3,750–3,760 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
-
สัญญาทองคำล่วงหน้าสหรัฐ (เช่น ส่งมอบเดือนธันวาคม) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน สะท้อนถึงบรรยากาศเชิงบวกในวงกว้างของตลาด
-
ราคาของโลหะเงิน อีกหนึ่งสินทรัพย์มีค่า ก็ปรับตัวเข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ได้แรงหนุนจากปัจจัยเดียวกันกับทองคำ อย่างไรก็ตาม การที่เงินยังมีการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม ทำให้มีความเสี่ยงและความผันผวนเพิ่มเข้ามาด้วย
การเคลื่อนไหวในตลาดทองคำทั้งสปอตและฟิวเจอร์สครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่ากระแสโมเมนตัมสามารถก่อตัวได้อย่างรวดเร็ว เมื่อปัจจัยมหภาค เดินไปในทิศทางเดียวกัน ขณะที่การปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งยังบีบให้ผู้ที่ถือสถานะขายชอร์ตต้องปิดสถานะ ซึ่งยิ่งเร่งให้ราคาปรับขึ้นต่อ
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะไม่มีการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญออกมา แต่เพียงความคาดหวังของตลาดก็เพียงพอที่จะผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้น แสดงให้เห็นว่า “ความเชื่อมั่นเชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” มีบทบาทต่อการขับเคลื่อนตลาดมากกว่าปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบันเสียอีก
การจัดพอร์ตและมุมมองนักลงทุน
ตลาดกำลังปรับตัวรับความเป็นไปได้ที่จะมีการลดดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้ ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ชี้ว่ามีความเป็นไปได้สูง (ประมาณ 90%) ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนตุลาคม และอาจมีการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม
นักเทรดและผู้จัดการกองทุนยังจับตาสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ที่จะมีขึ้นในวันนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจยืนยันกระแสคาดการณ์ในปัจจุบัน หรืออาจสร้างความระมัดระวังให้กับตลาด ทั้งถ้อยแถลงของพาวเวลและข้อมูลเงินเฟ้อที่จะประกาศในระยะถัดไป โดยเฉพาะดัชนีการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน ถูกมองว่าเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญที่จะส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำ
นอกจากนี้ กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันกำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นต่อความแข็งแกร่งและความยั่งยืนของแนวโน้มราคาทองคำในรอบนี้
การเคลื่อนไหวทางเทคนิคของตลาด
ในมุมมองเชิงเทคนิค ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นได้ทะลุแนวต้านสำคัญหลายระดับ โดยขณะนี้นักลงทุนจับตาโซนแนวรับหลักบริเวณ 3,700–3,710 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากราคาหลุดต่ำกว่าแนวรับดังกล่าว อาจกระตุ้นให้เกิดการปรับฐานในระยะสั้น
ตัวชี้วัดโมเมนตัม ยังคงส่งสัญญาณเชิงบวกในหลายแพลตฟอร์มการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม สัญญาณภาวะซื้อมากเกินไป ชี้ว่าราคามีโอกาสเข้าสู่ช่วงพักตัวก่อนจะปรับขึ้นต่อไป
ปริมาณการซื้อขาย ที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาทองปรับตัวสูงขึ้น ยังเป็นการยืนยันถึงความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวรอบนี้ ขณะเดียวกัน ตลาดออปชันสะท้อนถึงความผันผวนโดยนัยที่เพิ่มขึ้น บ่งชี้ว่านักเทรดคาดการณ์ว่าจะมีความเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นรอบสุนทรพจน์ของพาวเวลและการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่จะตามมา
การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน
ปัจจัยขับเคลื่อนพื้นฐาน
-
อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ช่องว่างระหว่างอัตราเงินเฟ้อกับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงมีความสำคัญอย่างมาก หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยถูกปรับลดหรือคงไว้ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะลดลง ส่งผลให้ทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้น
-
การสื่อสารด้านนโยบายการเงิน ความชัดเจนและน้ำเสียงของแถลงการณ์จากเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะพาวเวลและมิแรน จะมีอิทธิพลต่อความคาดหวังของตลาดอย่างมาก ความเห็นที่แตกต่างกันภายในเฟดยังบ่งชี้ว่าการตัดสินใจในอนาคตไม่ใช่สิ่งที่การันตีแน่นอน
-
ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค ตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI, PCE) ข้อมูลการจ้างงาน/ตลาดแรงงาน และตัวชี้วัดการเติบโตเศรษฐกิจโลก ล้วนเป็นปัจจัยที่มีผลต่อทิศทางราคาทองคำ หากการเติบโตเศรษฐกิจออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอาจเพิ่มขึ้น แต่หากข้อมูลออกมาแข็งแกร่ง ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยก็อาจลดลง
ปัจจัยเหล่านี้เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด ทำให้แนวโน้มราคาทองคำขึ้นอยู่กับ “จังหวะเวลา” ของนโยบายการเงินและความประหลาดใจจากข้อมูลเศรษฐกิจ นักลงทุนจึงต้องไม่เพียงแต่ตีความตัวเลขเท่านั้น แต่ยังต้องประเมิน “ปฏิกิริยา” ของผู้กำหนดนโยบายด้วย
ความแตกต่างที่สำคัญอยู่ที่ว่า เฟดจะวางกรอบการลดดอกเบี้ยว่าเป็นการ “ปรับเชิงป้องกัน” หรือ “ตอบสนองต่อภาวะที่เกิดขึ้น” ซึ่งจะส่งผลต่อมุมมองของตลาดว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึง “ความเชื่อมั่น” หรือ “ความกังวลต่อเศรษฐกิจ”
แนวโน้มเชิงเทคนิค
-
แนวต้านและแนวรับ: ราคาทองคำที่เพิ่งแตะระดับสูงสุดราว 3,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะนี้กลายเป็นโซนแนวต้านสำคัญ ด้านแนวรับคาดว่าจะอยู่บริเวณ 3,700–3,710 ดอลลาร์
-
ความแข็งแกร่งของแนวโน้ม: ทิศทางขาขึ้นยังคงแข็งแกร่ง การทะลุแนวต้าน ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัว และความคาดหวังเชิงผ่อนคลายจากเฟด ต่างสนับสนุนโอกาสปรับขึ้นต่อ แต่ยังมีความเสี่ยงของการย่อตัวระยะสั้น หากพาวเวลส่งสัญญาณระมัดระวังมากขึ้น
-
อัตราส่วนเปรียบเทียบ: อัตราส่วนทองคำต่อโลหะเงินยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ราคาของเงินใกล้ระดับสูงสุด แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่จะเกิดความแตกต่างของการเคลื่อนไหว หรือแนวโน้ม “ตามขึ้นมา” แต่ก็สะท้อนความผันผวนที่มากกว่า
-
สัญญาณอินดิเคเตอร์: RSI ยังอยู่เหนือระดับ 70 ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นภาวะซื้อมากเกินไป แม้ไม่ได้บ่งชี้การกลับตัวทันที แต่ก็สะท้อนความเสี่ยงต่อการปรับฐาน
-
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: ทั้งเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน และ 200 วัน ยังคงมีแนวโน้มขาขึ้น สนับสนุนมุมมองว่าทองคำยังคงอยู่ในทิศทางบวกในระยะยาว แม้จะมีความเสี่ยงการพักฐานในระยะสั้นก็ตาม
ความเห็นจากผู้นักวิเคราะห์
-
Kyle Rodda นักวิเคราะห์จาก Capital.com ระบุว่า แรงขับเคลื่อนหลักของราคาทองคำคือความคาดหวังด้านนโยบายการเงิน โดยการลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ประกอบกับความเสี่ยงเงินเฟ้อ เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาทองคำให้ปรับขึ้น
-
Kelvin Wong นักวิเคราะห์อาวุโสจาก OANDA ชี้ว่า แม้แนวโน้มระยะสั้นยังคงเป็นบวก แต่ความผันผวนระหว่างวันและแนวต้านทางเทคนิคอาจทำให้เกิดแรงขายและการพักฐานได้
-
ANZ ในบทวิเคราะห์ล่าสุดเน้นว่า ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง กำลังสร้างเงื่อนไขให้ราคาทองคำแข็งแกร่งต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับศักยภาพการปรับขึ้น บางรายคาดว่าราคาทองคำอาจแตะระดับ 3,800–3,850 ดอลลาร์ในระยะสั้น ขณะที่บางรายมองว่าราคามีแนวโน้มพักฐานที่ระดับปัจจุบันมากกว่า
สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันคือ ทองคำจะยังคงเป็นหัวข้อสำคัญของตลาด ตราบใดที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ยังคงดำเนินอยู่
ประเด็นที่ต้องติดตาม
ราคาทองคำยังคงเป็นจุดสนใจหลักในวันนี้ หลังตลาดคาดการณ์ท่าทีผ่อนคลายจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และรอรับสัญญาณสำคัญจากสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ปัจจัยคาดการณ์การลดดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ และแรงกดดันเงินเฟ้อ ล้วนเป็นตัวขับเคลื่อนที่ผลักดันให้ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่
ประเด็นสำคัญสำหรับนักลงทุน ได้แก่:
-
จับตาสุนทรพจน์ของพาวเวล โดยโทนคำพูดเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ตลาดแรงงาน และการลดดอกเบี้ย จะเป็นตัวกำหนดทิศทางระยะสั้นของราคาทองคำ
-
ติดตามข้อมูลเงินเฟ้อ โดยเฉพาะดัชนี PCE พื้นฐาน เพื่อดูสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะปรับลดลง หรือความเสี่ยงเงินเฟ้อจะกดดันให้เฟดต้องดำเนินการเข้มงวดขึ้น
-
เฝ้าระวังระดับทางเทคนิค โดยมีแนวรับที่ 3,700–3,710 ดอลลาร์ และแนวต้านใกล้ระดับสูงสุดล่าสุด ทั้งนี้ยังมีโอกาสเกิดการย่อตัวได้
ในภาพรวม การกระจายการลงทุนยังคงมีความสำคัญ โดยบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงยิ่งทวีความโดดเด่นในสภาวะนี้ แม้ราคาจะมีโอกาสผันผวน แต่สำหรับนักลงทุนที่จัดพอร์ตอย่างรอบคอบ ทองคำยังคงมอบทั้งโอกาสการเทรดระยะสั้น และการปกป้องพอร์ตลงทุนในระยะยาว
ติดตามข่าวสารล่าสุดได้ที่ Dupoin & Dupoin Academy
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
การลงทุนในตราสารอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
กรุณาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ผลิตภัณฑ์ และกฎเกณฑ์ในการซื้อขายอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
การซื้อขายถือเป็นความรับผิดชอบของท่านโดยสมบูรณ์ บริษัทไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือผลกระทบใด ๆ ที่เกิดจากการลงทุนของท่าน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง
การซื้อขายด้วยมาร์จิ้นมีความเสี่ยงสูงจากกลไกเลเวอเรจ อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน และไม่มีการรับประกันผลกำไรใด ๆ
ควรหลีกเลี่ยงการใช้เงินทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ และพิจารณาให้รอบด้านถึงความรู้ ประสบการณ์ของท่าน ก่อนตัดสินใจลงทุน
