

市場分析
หุ้นเอเชียดีดแรงจากความคาดหวังการลดดอกเบี้ย Nikkei พุ่งหลัง “Ishiba” ลาออก
John · 359K 閱讀
หุ้นเอเชียพุ่งแรงจากความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย นิกเกอิทะยานหลัง GDP ญี่ปุ่นแข็งแกร่งและ “อิชิบะ” ลาออกภูมิทัศน์ของ ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้พลิกเข้าสู่ภาวะ Bullish อย่างชัดเจน โดยดัชนีสำคัญส่วนใหญ่ในภูมิภาคปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแรงหนุนของความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเร่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อ ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่อ่อนกว่าคาด ซึ่งช่วยเสริมความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มนโยบายการเงินผ่อนคลาย ขณะเดียวกัน GDP ญี่ปุ่นที่ปรับทบทวนออกมาแข็งแกร่งเกินคาด ก็เป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ ดัชนีนิกเกอิ 225 และ TOPIX ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง
แม้ว่าปัจจัยการเมืองจะสร้างแรงสั่นสะเทือนจากการประกาศลาออกของ นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ แต่ตลาดกลับยังคงปรับตัวเชิงบวก โดยนักลงทุนประเมินว่าอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายและมาตรการกระตุ้นใหม่จากรัฐบาลญี่ปุ่น การผสานกันของ เซอร์ไพรส์ทางเศรษฐกิจและความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งนี้ มีนัยสำคัญต่อทิศทาง ตลาดฟอเร็กซ์, พันธบัตรรัฐบาล, ทองคำ และดัชนีโลก ซึ่งตอกย้ำว่า Sentiment ของตลาดทุนโลก สามารถพลิกกลับได้อย่างรวดเร็วภายใต้ปัจจัยที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงข้ามพรมแดน
กล่าวได้ว่า ภายในวันเดียวตลาดหุ้นเอเชีย, ทิศทางนโยบายเฟด, ความเสี่ยงของ BOJ และความปั่นป่วนทางการเมืองญี่ปุ่น ต่างบรรจบกันและสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อภูมิทัศน์การลงทุนโลกอย่างชัดเจน
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
ความอ่อนแอของแรงงานสหรัฐ หนุนความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย
ตลาดการเงินโลกตอบรับเชิงบวกหลัง ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ออกมาอ่อนกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ความคาดหวังต่อการ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ในเดือนกันยายนเพิ่มสูงขึ้น โดยนักลงทุนมองว่ามีโอกาสสูงที่เฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 25 จุดฐาน (25 bps) ในการประชุม FOMC วันที่ 16–17 กันยายน
การปรับคาดการณ์ด้านนโยบายการเงินครั้งนี้สร้างแรงสะเทือนไปทั่ว ตลาดหุ้นเอเชีย กระตุ้นให้บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัว และช่วยหนุนการปรับขึ้นของดัชนีสำคัญหลายแห่ง ผลเชิงประวัติศาสตร์และผลต่อเอเชีย จากสถิติในอดีต ทุกครั้งที่ เฟดปรับนโยบายการเงินสู่ทิศทางผ่อนคลายมักจะหนุนกระแสสภาพคล่องไหลเข้าสู่ ตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะในเอเชีย การลดดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มช่วยบรรเทาแรงกดดันต่อค่าเงินเยน และ วอนเกาหลี ทำให้หุ้นญี่ปุ่นและ หุ้นเกาหลีใต้ มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ยิ่งไปกว่านั้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจเปลี่ยนสมการของ กลยุทธ์ Carry Trade ในระดับโลก โดยดึงดูดเงินทุนให้ไหลเข้าสู่สินทรัพย์เอเชียที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น ตลาดหุ้นเอเชีย , ตลาดฟอเร็กซ์, พันธบัตร และ ทองคำ
ความสำคัญต่อกลยุทธ์ Q4 การตัดสินใจของเฟดครั้งนี้จะเป็นปัจจัยชี้นำสำคัญต่อกลยุทธ์การลงทุนใน ไตรมาส 4 ของปี ซึ่งจะกำหนดทิศทาง ความเสี่ยง, สภาพคล่อง, และการจัดสรรพอร์ตลงทุน ของนักลงทุนทั่วโลก
เซอร์ไพรส์ GDP ญี่ปุ่นหนุนหุ้นพุ่ง ขณะ “อิชิบะ” ลาออกเพิ่มแรงสั่นสะเทือนการเมือง
ญี่ปุ่นสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดโลกหลังรายงาน GDP ไตรมาส 2 ที่ปรับขึ้นเหนือความคาดหมาย โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่งและการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ปัจจัยบวกนี้ผนวกกับข่าว การลาออกแบบกะทันหันของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ ดัชนีนิกเกอิ 225 พุ่งขึ้นกว่า 1.5–1.8% และส่งต่อแรงบวกไปยัง ตลาดหุ้นเอเชีย โดยนักลงทุนประเมินว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจเปิดทางให้ญี่ปุ่นใช้นโยบายการคลังและการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุน ความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนเอเชียและตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน การเติบโตของ GDP ญี่ปุ่นยังส่งผลโดยตรงต่อ ห่วงโซ่อุปทานเอเชีย โดยเฉพาะในภาค เซมิคอนดักเตอร์ และ อุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้นักลงทุนเริ่มปรับมุมมองใหม่ต่อศักยภาพของ บริษัทญี่ปุ่น โดยเฉพาะกลุ่มการผลิตและสินค้าอุปโภคบริโภค อย่างไรก็ตาม การลาออกของอิชิบะยังคงสร้าง ความไม่แน่นอนด้านนโยบาย ที่อาจทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะคงจุดยืนผ่อนคลายต่อไป ปัจจัยเชิงบวกทางเศรษฐกิจที่มาพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองในครั้งนี้จึงยังคงทำให้ ความผันผวนของตลาดอยู่ในระดับสูง
มุมมองตลาดหุ้นเอเชีย: การฟื้นตัวกระจายตัว แต่ยังได้แรงหนุนจากสภาพคล่องโลก
แม้ญี่ปุ่นจะเป็นจุดสนใจหลัก แต่ตลาดหุ้นเอเชียโดยรวมก็เคลื่อนไหวในทิศทางบวกเช่นกัน โดยตลาดฮั่งเส็งของจีนปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี CSI 300 ของเซี่ยงไฮ้ยังเคลื่อนไหวผสมผสานจากแรงกดดันของข้อมูลการส่งออกที่อ่อนแอ ส่วนในอินเดีย ดัชนี Nifty รวมถึงตลาดหุ้นเกาหลีใต้ก็ปิดบวกเล็กน้อย ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคให้อยู่ในโทนเชิงบวก
อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างระหว่างเอเชียเหนือและเอเชียใต้สะท้อนถึงการเติบโตที่ไม่สม่ำเสมอ นักลงทุนยังคงกังวลต่อการชะลอตัวเชิงโครงสร้างของจีน ขณะที่อินเดียถูกมองว่าเป็นจุดสว่างจากความแข็งแกร่งของอุปสงค์ภายในประเทศ
ด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศอย่างอินโดนีเซียและมาเลเซียได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่กลับเข้ามา โดยเฉพาะในกลุ่มการเงินและพลังงาน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มองหาตลาดเกิดใหม่เพื่อกระจายพอร์ตการลงทุน
ภาพรวมทั้งหมดชี้ให้เห็นว่า แม้การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นเอเชียจะไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทุกประเทศ แต่ก็ยังได้รับแรงสนับสนุนจากความคาดหวังด้านสภาพคล่องโลก ทำให้ภูมิภาคยังคงเคลื่อนไหวในเชิงบวกโดยรวม
การตอบสนองของตลาด: หุ้นญี่ปุ่นนำพุ่งหนุนบรรยากาศเอเชีย
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นพร้อมกัน โดยเฉพาะญี่ปุ่นซึ่ง ดัชนีนิกเกอิ ดีดตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดของช่วงกลางเดือนสิงหาคม ขณะที่ดัชนี TOPIX ก็ปรับตัวแข็งแกร่งตาม การเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินทุนระยะสั้นและกลยุทธ์การซื้อขายเชิงอัลกอริทึม ที่ช่วยเร่งแรงซื้อและผลักดันให้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเป็นบวก
สิ่งที่น่าสังเกตคือ การปรับขึ้นครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในหลายอุตสาหกรรม ทั้งกลุ่มธนาคาร ผู้ผลิตยานยนต์ และหุ้นเทคโนโลยี ซึ่งสะท้อนว่าตลาดไม่ได้พึ่งพาเพียงธีมการลงทุนใดการลงทุนหนึ่ง แต่เป็นการเดิมพันต่อแรงสนับสนุนจากนโยบายเศรษฐกิจในภาพรวม นอกจากนี้ นักลงทุนสถาบันต่างชาติยังคงเป็นผู้เล่นหลักในการเข้าซื้อหุ้นญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่าเงินทุนจากทั่วโลกเริ่มกลับมาไหลเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นอีกครั้ง
หากแรงส่งนี้ยังคงอยู่ต่อเนื่อง มีความเป็นไปได้สูงที่ดัชนีนิกเกอิจะทดสอบระดับแนวต้านทางจิตวิทยาที่เหนือกว่า 40,000 จุด ซึ่งจะเป็นสัญญาณสำคัญต่อทิศทางของตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดหุ้นเอเชียในระยะถัดไป
ค่าเงินและพันธบัตรผันผวนแรง ท่ามกลางความไม่แน่นอนนโยบายญี่ปุ่น
ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงราว 0.6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ สะท้อนความกังวลของนักลงทุนต่อทิศทางนโยบายภายใต้ผู้นำคนใหม่ของญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นระยะยาวปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนความไม่มั่นใจต่อวินัยการคลังในอนาคต ส่วนฝั่งสหรัฐ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน หนุนบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงให้สดใสขึ้น
การอ่อนค่าของเงินเยนแม้เป็นผลดีต่อผู้ส่งออกญี่ปุ่น แต่ก็ก่อให้เกิดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อนำเข้า ซึ่งอาจซับซ้อนต่อการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น นอกจากนี้ ความผันผวนในตลาดพันธบัตรยังชี้ให้เห็นถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการที่นักลงทุนต้องการผลตอบแทนสูงขึ้นเพื่อถือครองพันธบัตรระยะยาว นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเข้ามาแทรกแซงเพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราผลตอบแทนหรือไม่
ความเชื่อมโยงระหว่างการอ่อนค่าของค่าเงินและความผันผวนในตลาดพันธบัตรจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางการเคลื่อนย้ายเงินทุนในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า และอาจมีผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียและตลาดการเงินโลกโดยรวม
สินค้าโภคภัณฑ์และสินทรัพย์ปลอดภัย: ทองคำใกล้จุดสูงสุด น้ำมันทรงตัวหนุนความซับซ้อนตลาดเอเชีย
ราคาทองคำเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนบทบาทของ สินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านนโยบายการเงินของธนาคารกลางและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเช่นกัน แม้การฟื้นตัวถูกจำกัดจากสัญญาณอุปสงค์ทั่วโลกที่ยังผันผวน
ความแข็งแกร่งของทองคำต่อเนื่องตอกย้ำว่า นักลงทุนกำลังใช้ทองเป็น เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงต่อความผิดพลาดทางนโยบายและความเสี่ยงระดับโลกที่ยังคงอยู่ ส่วนทิศทางราคาน้ำมันยังขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ OPEC+ โดยความเข้มงวดในการควบคุมอุปทานช่วยประคองราคา แม้ตัวเลขความต้องการพลังงานทั่วโลกยังไม่แน่นอนก็ตาม
ทั้งนี้ ผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ในเอเชียอย่าง อินเดียและจีน มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ซึ่งอาจกดดันดุลการค้าในระยะถัดไป ส่งผลให้แนวโน้มสินค้าโภคภัณฑ์มีบทบาทเพิ่มความซับซ้อนให้กับ การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นเอเชียที่แม้จะมีบรรยากาศเชิงบวก แต่ก็ยังผสมผสานไปกับกลยุทธ์เชิงป้องกันของนักลงทุน
การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน: จับตาระดับสำคัญของนิกเกอิและตลาดเอเชีย
การดีดตัวของดัชนีนิกเกอิจากแนวรับกำลังทดสอบระดับแนวต้านสำคัญ ซึ่งโมเมนตัมอาจขยายตัวได้หากตลาดหุ้นเอเชียยังคงเคลื่อนไหวตามความคาดหวังเชิงผ่อนคลายจากเฟด อย่างไรก็ตาม เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น RSI และ MACD เริ่มส่งสัญญาณเข้าใกล้เขตซื้อมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนบางส่วนเลือกชะลอการเข้าซื้อเพิ่มเติม
นักเทรดควรจับตาค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันและ 200 วันเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม หากราคาสามารถทะลุผ่านแนวต้านได้อย่างชัดเจน อาจกระตุ้นการซื้อเชิงอัลกอริทึมและเร่งแรงขึ้นของดัชนีได้ แต่หาก RSI ก้าวเข้าสู่โซนซื้อมากเกินไปก็มีโอกาสที่จะเกิดแรงขายทำกำไรและการย่อตัวในระยะสั้น
สำหรับดัชนีอื่น ๆ ในภูมิภาค เช่น ฮั่งเส็งและโคสปี ภาพทางเทคนิคชี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ หากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาเป็นตัวเร่ง ตลาดจึงอาจยังคงแกว่งตัวรอทิศทางจากข่าวเศรษฐกิจและนโยบายการเงินในช่วงถัดไป
ปัจจัยพื้นฐาน: กำไรบริษัทและแนวโน้มข้างหน้า
เบื้องหลังการปรับตัวของตลาดหุ้นเอเชีย คำถามสำคัญคือ ความแข็งแกร่งของกำไรบริษัท ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดสะท้อนความอ่อนแรง ขณะที่การเติบโตและการส่งออกของญี่ปุ่นกลับสร้างความเชื่อมั่น หากประมาณการกำไรของบริษัทในเอเชียยังคงยืนได้ กระแสการปรับขึ้นของตลาดก็อาจมีรากฐานที่แข็งแกร่งมากขึ้น นักลงทุนจึงควรติดตามผลประกอบการประจำไตรมาสของภูมิภาค รวมถึงรายงานเจาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีนัยสำคัญต่อทิศทางตลาด
นักวิเคราะห์จับตาเป็นพิเศษไปที่ กลุ่มเทคโนโลยีและการเงิน ซึ่งครองสัดส่วนหลักของมูลค่าตลาดในเอเชีย ความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงซับซ้อนห่วงโซ่อุปทาน ส่วนกลุ่มธนาคารอาจได้ประโยชน์จากการขยายตัวของสินเชื่อ หากเศรษฐกิจยังคงรักษาโมเมนตัมการเติบโตได้
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงยังคงอยู่ หากการใช้จ่ายผู้บริโภคทั่วโลกพลิกกลับชะลอตัว จะกดดันกำไรของบริษัทที่พึ่งพาการส่งออก และอาจทำให้การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นเอเชียสูญเสียแรงหนุน นักลงทุนจึงจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิดทั้งการแก้ไขตัวเลข GDP การคาดการณ์กำไร และทิศทางความต้องการในตลาดโลก เพื่อประเมินศักยภาพการเติบโตของตลาดทุนในระยะข้างหน้า
มุมมองนักวิเคราะห์: โอกาสการฟื้นตัวของเอเชียท่ามกลางความท้าทายในระยะยาว
ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การลงทุนต่างชี้ให้เห็นถึงปัจจัยหนุนและความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นเอเชียกำลังเผชิญอยู่ ปีเตอร์ การ์นรี หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์หุ้นของ Saxo Bank มองว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอสามารถเป็นเหตุผลสนับสนุนให้เฟดลดดอกเบี้ยเชิงรุก ซึ่งจะเป็นแรงหนุนสำคัญทั้งต่อค่าเงินและ ตลาดหุ้นเอเชีย ขณะที่ ไคล์ รอดดา นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Capital.com ระบุว่า ตลาดจะตีความการลาออกของอิชิบะในมิติของนโยบายการคลัง เงินเฟ้อ และทิศทางของธนาคารกลางญี่ปุ่น โดยหากความคาดหวังต่อท่าทีผ่อนคลายยังดำเนินต่อไป ก็มีโอกาสหนุนแรงบวกให้กับตลาดหุ้นในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม นักกลยุทธ์บางส่วนยังเตือนให้ระวังการมองโลกในแง่ดีมากเกินไป นักเศรษฐศาสตร์ของ Morgan Stanley เน้นว่า แม้เอเชียจะได้อานิสงส์จากการผ่อนคลายนโยบายของเฟด แต่ก็ไม่อาจมองข้ามการชะลอตัวเชิงโครงสร้างของจีนที่ยังเป็นปัจจัยกดดัน ขณะที่ นักวิเคราะห์จาก UBS เตือนว่าความว่างเปล่าทางการเมืองในญี่ปุ่นอาจทำให้การปฏิรูปสำคัญล่าช้าและสร้างความเสี่ยงในระยะกลาง
โดยสรุป มุมมองของผู้เชี่ยวชาญสะท้อนทั้ง ความเชื่อมั่นต่อโอกาสการปรับตัวขึ้นในระยะสั้นและความระมัดระวังต่อความท้าทายในระยะยาวที่ยังคงกดดันตลาดเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงด้านโครงสร้างของจีนหรือความไม่แน่นอนทางการเมืองในญี่ปุ่น
บทสรุป: หุ้นเอเชียพุ่งแรง แต่ความไม่แน่นอนยังคงกดดันตลาด
การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นเอเชีย วันนี้สะท้อนถึงความเชื่อมโยงอันละเอียดอ่อนระหว่างปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคและความไม่แน่นอนทางนโยบาย ข้อมูลแรงงานสหรัฐที่อ่อนแอช่วยจุดกระแสคาดการณ์การผ่อนคลายนโยบายของเฟดอีกครั้ง ขณะที่ GDP ญี่ปุ่นที่แข็งแกร่งกว่าคาดและการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้เสริมแรงบวกให้กับตลาดทุนภูมิภาค โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นและค่าเงิน
อย่างไรก็ตาม แม้โมเมนตัมระยะสั้นจะยังคงโน้มเอียงสู่โหมด Risk-On แต่ตลาดก็ยังอ่อนไหวต่อความประหลาดใจจากข้อมูลเศรษฐกิจและความผิดพลาดด้านนโยบาย การประชุมเฟดในเดือนกันยายนจึงเป็นปัจจัยชี้ขาดที่ตลาดทั่วโลกจับตา เพราะผลลัพธ์จะส่งแรงสะเทือนไปยังตลาดเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ และตลาดหุ้นอย่างกว้างขวาง
สำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ สิ่งสำคัญคือการหาจุดสมดุลระหว่าง ความเชื่อมั่นกับความระมัดระวัง โดยใช้เครื่องมือทางเทคนิคควบคู่ไปกับการติดตามปัจจัยพื้นฐานอย่างใกล้ชิด คำถามหลักที่ยังคงอยู่คือ ตลาดหุ้นเอเชียจะสามารถรักษาแรงฟื้นตัวนี้ได้หรือไม่ หากความต้องการทั่วโลกยังขาดความต่อเนื่อง
ติดตามข่าวสารล่าสุดได้ที่ Dupoin & Dupoin Academy
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
การลงทุนในตราสารอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
กรุณาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ผลิตภัณฑ์ และกฎเกณฑ์ในการซื้อขายอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
การซื้อขายถือเป็นความรับผิดชอบของท่านโดยสมบูรณ์ บริษัทไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือผลกระทบใด ๆ ที่เกิดจากการลงทุนของท่าน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง
การซื้อขายด้วยมาร์จิ้นมีความเสี่ยงสูงจากกลไกเลเวอเรจ อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน และไม่มีการรับประกันผลกำไรใด ๆ
ควรหลีกเลี่ยงการใช้เงินทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ และพิจารณาให้รอบด้านถึงความรู้ ประสบการณ์ของท่าน ก่อนตัดสินใจลงทุน
