

ราคาน้ำมันพุ่ง! ท่ามกลางกระแสคว่ำบาตรรัสเซีย อินเดียถูกกดดันหนัก อุปทานทั่วโลกส่อสะเทือน

ราคาน้ำมันฟื้นตัวแรงจากข่าวคว่ำบาตรรัสเซีย: วิเคราะห์แนวโน้มและปัจจัยที่ต้องจับตา
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกลับมาฟื้นตัวอย่างรุนแรงในต้นเดือนสิงหาคม 2025 หลังจากเผชิญกับภาวะขาลง
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาฟื้นตัวครั้งนี้ คือ รายงานข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ
จะออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อประเทศที่ยังคงซื้อพลังงานจากรัสเซีย โดยเฉพาะอินเดียซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้นำเข้า
น้ำมันดิบจากรัสเซียรายใหญ่ของโลก (Reuters, 2025)
การฟื้นตัวของราคาน้ำมันครั้งนี้ไม่ใช่เพียงปฏิกิริยาในระยะสั้น แต่สะท้อนถึงความกังวลในวงกว้างเกี่ยวกับเสถียรภาพ
ของอุปทานพลังงานโลก ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินอยู่ในหลายภูมิภาค
สถานการณ์ล่าสุดของราคาน้ำมัน
จากข้อมูลของ Investing.com ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2025 ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้น 1.5% มาอยู่ที่ 68.67 ดอลลาร์
ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) เพิ่มขึ้น 1.6% แตะระดับ 66.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โดยเป็นการฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากปัจจัยทั้งด้านอุปสงค์
ที่อ่อนแอและอุปทานที่ล้นตลาด (Investing.com, 2025)
ในช่วงต้นเดือน ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Down โดยได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ดัชนี PMI ภาคการผลิตยังอยู่ในแดนหดตัว ขณะที่ในสหรัฐฯ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรต่ำกว่าคาดการณ์
ของนักวิเคราะห์ ทำให้ตลาดวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์พลังงานในประเทศผู้บริโภคหลัก (Bloomberg, 2025)
ปัจจัยที่กระตุ้นราคาน้ำมัน
1. ข่าวการคว่ำบาตรรัสเซีย
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แถลงในที่ประชุมรัฐสภาว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณา
ออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อประเทศที่ยังนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยเฉพาะอินเดียซึ่งเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์
ของสหรัฐฯ แต่ยังคงนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียในปริมาณมาก (Reuters, 2025)
ทรัมป์กล่าวว่า การที่อินเดียยังซื้อน้ำมันจากรัสเซียเท่ากับเป็นการสนับสนุนสงครามในยูเครน และเรียกร้องให้อินเดียยุติ
การนำเข้าทันที มิฉะนั้นอาจต้องเผชิญกับมาตรการภาษีเพิ่มเติม หรือแม้กระทั่งถูกจำกัดการเข้าถึงตลาดการเงินสหรัฐฯ
2. ปฏิกิริยาของอินเดีย
อินเดียตอบโต้ทันที โดยรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของประเทศออกแถลงการณ์ระบุว่า "อินเดียมีสิทธิดำเนินนโยบาย
ด้านพลังงานของตนเอง และจะไม่ยอมให้ประเทศภายนอกมากำหนดแนวทางการจัดหาพลังงาน" (Reuters, 2025)
อินเดียพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันมากถึง 85% ของความต้องการในประเทศ โดยรัสเซียกลายเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุด
ในปี 2024 เนื่องจากเสนอราคาที่ต่ำกว่าตลาดและมีความยืดหยุ่นในการจัดส่ง
วิเคราะห์ผลกระทบเชิงลึก
1. ดุลอุปสงค์-อุปทาน
นักวิเคราะห์จาก ING Research ให้ความเห็นว่า หากอินเดียยอมลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมัน
ในตลาดโลกหายไปประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะเปลี่ยนจากภาวะส่วนเกินน้ำมันในไตรมาส 4 ปี 2025
ให้กลายเป็นภาวะสมดุล หรือแม้กระทั่งขาดแคลนในบางภูมิภาค (ING, 2025)
นอกจากนี้ หากจีนหรือประเทศในแอฟริกาเข้าร่วมมาตรการคว่ำบาตรด้วย จะทำให้ตลาดเผชิญกับวิกฤติอุปทาน
ในระยะกลาง และอาจผลักให้ราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับ 85–90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงปลายปี
2. ความเคลื่อนไหวของ OPEC+
รายงาน Monthly Oil Market Report ของ OPEC ประจำเดือนสิงหาคมระบุว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ยังคงเดินหน้า
เพิ่มกำลังการผลิตอีก 547,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกันยายน เพื่อรับมือกับความต้องการพลังงานในช่วงฤดูหนาว
โดยเฉพาะในยุโรป (OPEC, 2025)
อย่างไรก็ตาม หากเกิดภาวะขาดแคลนจากการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างจริงจัง OPEC+ อาจต้องประชุมฉุกเฉินเพื่อทบทวนนโยบายการผลิต และมีแนวโน้มที่จะระบายกำลังการผลิตสำรองเร็วกว่ากำหนดเดิม
3. สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ
ข้อมูลจาก API (American Petroleum Institute) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงถึง 4.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.8 ล้านบาร์เรลเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าอุปสงค์ในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐยังแข็งแรง แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว (API, 2025)
แนวโน้มระยะกลางถึงปลายปี 2025
ปัจจัยสนับสนุนเชิงบวก:
-
การฟื้นตัวของภาคการผลิตในสหรัฐฯ และยุโรป
-
ความต้องการพลังงานในช่วงฤดูหนาว
-
การลดลงของสต็อกน้ำมันเชิงกลยุทธ์ในหลายประเทศ
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลลบ:
-
เศรษฐกิจจีนชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง
-
การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ กดดันต้นทุนน้ำมัน
-
ความไม่แน่นอนทางการเมืองในตะวันออกกลาง
นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs มองว่า ราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวในกรอบ 72–85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาส 4 ปี 2025 โดยมีแนวโน้มฝั่งขาขึ้นมากกว่าหากเกิดการคว่ำบาตรอย่างจริงจัง (Goldman Sachs via Bloomberg, 2025)
สรุป
การฟื้นตัวของราคาน้ำมันในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2025 ไม่ได้เป็นเพียงการปรับฐานทางเทคนิค แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงความเปราะบางของตลาดพลังงานโลก ที่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นสำคัญ
ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ อินเดีย รัสเซีย และ OPEC+ จะเป็นปัจจัยชี้ชะตาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
นักลงทุนควรจับตาการเจรจาระหว่างประเทศใหญ่ ๆ อย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตามข้อมูลสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จาก EIA
และ API อย่างสม่ำเสมอ
ติดตามข่าวสารล่าสุดได้ที่ Dupoin & Dupoin Academy
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
การลงทุนในตราสารอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
กรุณาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ผลิตภัณฑ์ และกฎเกณฑ์ในการซื้อขายอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
การซื้อขายถือเป็นความรับผิดชอบของท่านโดยสมบูรณ์ บริษัทไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือผลกระทบใด ๆ ที่เกิดจากการลงทุนของท่าน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง
การซื้อขายด้วยมาร์จิ้นมีความเสี่ยงสูงจากกลไกเลเวอเรจ อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน และไม่มีการรับประกันผลกำไรใด ๆ
ควรหลีกเลี่ยงการใช้เงินทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ และพิจารณาให้รอบด้านถึงความรู้ ประสบการณ์ของท่าน ก่อนตัดสินใจลงทุน
