

ทองคงที่ที่ $3,350/ออนซ์ ขณะที่นักลงทุนรอรายงาน NFP


ภาพรวมตลาด
United Kingdom
เงินบาทอังกฤษ (GBP) พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 1.36 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากแรงหนุนของข้อมูลเศรษฐกิจอังกฤษที่แข็งแกร่งหลายตัว เช่น ดัชนี PMI ภาคก่อสร้าง และยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ในเดือนพฤษภาคมที่ออกมาดีกว่าคาด แม้ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม แต่ความเชื่อมั่นของตลาดก็ยังคงฟื้นตัว
ขณะเดียวกัน ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงก่อนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจชุดสำคัญของสหรัฐฯ โดยตลาดเริ่มคาดการณ์มากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนที่ยังคงอยู่ในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ยังช่วยหนุนให้เงินปอนด์กลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยทางเลือกในระยะสั้นอีกด้วย
Cryptocurrency
บิทคอยน์ร่วงลงอย่างรุนแรงแตะใกล้ระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สาเหตุหลักมาจากแรงขายทำกำไรจำนวนมาก และการล้างพอร์ตของตำแหน่งเลเวอเรจมากกว่า 225,000 ราย รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ นอกจากแรงกดดันทางเทคนิคแล้ว ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่าง อีลอน มัสก์ และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีประเด็นขัดแย้งเกี่ยวกับร่างงบประมาณและเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า ก็ยิ่งกระตุ้นให้ตลาดหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
ในอีกด้านหนึ่ง รัสเซียได้ประกาศจดทะเบียนสัญญาฟิวเจอร์สบิทคอยน์ที่อ้างอิงกับ ETF ของ BlackRock อย่างเป็นทางการบนตลาดหลักทรัพย์มอสโก ถือเป็นก้าวเชิงกลยุทธ์ในการเปิดตลาดคริปโตให้กับสถาบันภายในประเทศ โดยยังคงบริหารความเสี่ยงด้วยการชำระบัญชีเป็นสกุลรูเบิลรัสเซีย
BTCUSD
การวิเคราะห์พื้นฐาน
บิทคอยน์ร่วงลงใกล้ระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางบรรยากาศเลี่ยงความเสี่ยงที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากมีการล้างพอร์ตตำแหน่งเลเวอเรจเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมง โดยส่วนใหญ่เป็นคำสั่งซื้อ (Long Order) ที่ถูกปิดสถานะ ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างอีลอน มัสก์ และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีประเด็นขัดแย้งเกี่ยวกับร่างงบประมาณและเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า ยังเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง
ขณะเดียวกัน กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ยึดคริปโตมูลค่า 7.74 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ถูกฟอกเงินโดยวิศวกร IT ชาวเกาหลีเหนือผ่าน Stablecoin และ NFT ด้านรัสเซียได้ประกาศจดทะเบียนสัญญาฟิวเจอร์สบิทคอยน์ที่อ้างอิงกับ ETF ของ BlackRock อย่างเป็นทางการ พร้อมกำหนดให้ชำระเป็นสกุลรูเบิล ถือเป็นความพยายามในการขยายตลาดคริปโตภายใต้การควบคุมที่เข้มงวดของรัฐ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
บิทคอยน์กำลังอยู่ในช่วงปรับฐานลง หลังจากหลุดแนวรับที่เส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 โดยโครงสร้างราคาปัจจุบันกำลังสร้างรูปแบบ “ยอดต่ำ–ฐานต่ำ” (Lower Highs – Lower Lows) ซึ่งเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาลง
ราคาหลุดลงมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลักทั้ง 3 เส้น ได้แก่ EMA 34, EMA 89 และ EMA 200 ยืนยันแนวโน้มขาลงในระยะกลางอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ราคาร่วงแรง บ่งชี้ถึงแรงขายที่เข้มข้นและมีนัยสำคัญ
Dollar Index
การวิเคราะห์พื้นฐาน
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ทรงตัวบริเวณ 98.8 ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานการจ้างงานเดือนพฤษภาคม ซึ่งคาดว่าจะให้ภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ก่อนหน้านี้ DXY ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ จากแรงกดดันของข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เช่น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้น การจ้างงานภาคเอกชนที่ชะลอตัว และภาคบริการที่หดตัวอย่างไม่คาดคิด แม้ว่าทรัมป์จะเรียกร้องให้เฟดลดดอกเบี้ย แต่เจ้าหน้าที่ของเฟดยังคงระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน ด้านผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นหลังจากมีการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และสี จิ้นผิง แต่ดอลลาร์สหรัฐยังคงเผชิญแรงกดดันในสัปดาห์นี้
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) กำลังเคลื่อนไหวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลักทั้ง 3 เส้น ได้แก่ EMA 34, EMA 89 และ EMA 200 สะท้อนให้เห็นว่าแรงขายยังคงเป็นฝ่ายครองตลาด ความพยายามดีดกลับในช่วงหลังถูกปฏิเสธบริเวณโซนคำสั่งขาย (Bearish Order Block) และใกล้เส้น EMA 89 แสดงให้เห็นว่าโมเมนตัมขาขึ้นยังคงจำกัด ทั้งนี้ เส้นค่าเฉลี่ยทั้งสามยังคงมีทิศทางลาดลง และยังไม่พบสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม โดยเฉพาะ EMA 34 ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวต้านเคลื่อนที่อย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน ค่า RSI อยู่ที่ระดับประมาณ 42.77 ซึ่งต่ำกว่าระดับกลางที่ 50 บ่งชี้ถึงภาวะอ่อนแรงและยืนยันว่าแนวโน้มขาลงยังคงมีน้ำหนักมากกว่า

Gold
การวิเคราะห์พื้นฐาน
ราคาทองคำทรงตัวบริเวณ $3,350 ต่อออนซ์ ขณะที่นักลงทุนอยู่ในช่วงประเมินข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาอ่อนแอหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมูลค่านำเข้าที่ลดลงอย่างมากจากผลกระทบของมาตรการภาษีใหม่ภายใต้รัฐบาลทรัมป์
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเริ่มผ่อนคลายลง หลังจากมีข่าวบวกจากการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ส่งผลให้แรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเริ่มชะลอตัว ขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตารายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payrolls) ที่จะประกาศในคืนนี้ โดยหากตัวเลขออกมาดีเกินคาด อาจลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด และสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ แต่หากข้อมูลออกมาอ่อนแอ ก็อาจเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอีกครั้ง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อย โดยดีดตัวขึ้นจากแนวรับแข็งแกร่งบริเวณ $3,212 – $3,220 โครงสร้างราคาปัจจุบันเริ่มแสดงรูปแบบ Higher Lows บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่ค่อย ๆ กลับเข้ามา อย่างไรก็ตาม แรงส่งขาขึ้นยังถูกจำกัดโดยแนวต้านบริเวณ GAP Zone ก่อนหน้า
ดัชนี RSI อยู่ที่ประมาณ 53.83 อยู่ในโซนเป็นกลาง ไม่เข้าสู่ภาวะซื้อมากหรือล้นตลาด ขณะเดียวกันเริ่มมีสัญญาณ Hidden Bullish Divergence เล้กน้อย ปรากฏขึ้น หาก RSI สามารถทรงตัว เหนือระดับ 50 ได้ต่อเนื่อง อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
การลงทุนในอนุพันธ์เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่สำคัญ ซึ่งอาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนของคุณได้ คุณควรอ่านและศึกษาความถูกต้องตามกฎหมายของบริษัท ผลิตภัณฑ์ และกฎระเบียบการซื้อขายอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนเงินของคุณ โปรดรับผิดชอบและมีความรับผิดชอบในการซื้อขายของคุณ
คำเตือนความเสี่ยงในการซื้อขาย
การทำธุรกรรมผ่านมาร์จิ้นเกี่ยวข้องกับกลไกการใช้เลเวอเรจ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง และอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทุกคน ไม่มีการรับประกันผลกำไรจากการลงทุนของคุณ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังผู้ที่สัญญาผลกำไรจากการซื้อขาย ควรหลีกเลี่ยงการใช้เงินที่คุณไม่พร้อมจะขาดทุน ก่อนตัดสินใจทำการซื้อขาย ควรให้ความสำคัญในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องและพิจารณาประสบการณ์ของคุณด้วย


