0
ภาษาไทย
English
Tiếng Việt
ภาษาไทย
繁體中文
한국어
Español
Português
Русский язык
日本語(beta)
اللغة العربية(beta)
zu-ZA
เข้าสู่ระบบ
สมัครบัญชี
0
วิเคราะห์ตลาด
วิเคราะห์ตลาด
วิเคราะห์ตลาด

การประชุมเฟดเดือนกันยายน: ตลาดจับตาการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกปี 2025 ท่ามกลางข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอ

John · 299.4K จำนวนการดู

การประชุมเฟดกันยายน: คาดปรับลดดอกเบี้ย

ทุกสายตาจับจ้องไปที่การประชุม Fed Meeting วันที่ 16–17 กันยายน 2025 ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา FOMC คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง เพื่อต่อสู้กับแรงกดดันเงินเฟ้อ แต่ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่อ่อนตัว ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มทำ Rate Cut ครั้งแรกของปี 2025 ที่ระดับ 25 Basis Points
ทำไมการประชุม Fed Meeting กันยายนจึงสำคัญ? ผลการประชุมจะไม่เพียงกำหนดทิศทางนโยบายการเงินสหรัฐในช่วงที่เหลือของปี แต่ยังส่งผลต่อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US10Y), ค่าเงินดอลลาร์ (DXY), ราคาทองคำ (XAUUSD) และตลาดหุ้นโลกอย่าง SPX และ Nasdaq 100 อีกด้วย นักลงทุนและบริษัทต่าง ๆ จับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะดอกเบี้ยที่ถูกลงอาจช่วยหนุนตลาดทุน แต่ในอีกด้านหนึ่ง ถ้อยแถลงของ Powell เกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคต อาจทำให้ความเชื่อมั่นและการรับความเสี่ยงของตลาดเปลี่ยนไปทันที
นี่อาจเป็น Fed Meeting ที่ถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ว่าเฟดจะปรับสมดุลเศรษฐกิจโดยไม่ถดถอยรุนแรงได้จริง หรือกำลังตอบสนองช้าเกินไปต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
 

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ

ตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ

ปัจจัยพื้นฐานของ Fed Meeting กันยายน มาจาก Labor Market ที่อ่อนแอ โดยตัวเลขการจ้างงานเดือนสิงหาคมออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก (เพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 22,000 ตำแหน่ง) ขณะที่อัตราการว่างงานขยับขึ้นสู่ระดับประมาณ 4.3% ด้าน Inflation ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด โดยแรงกดดันด้านราคายังคงปรากฏ แม้บางภาคส่วนจะเริ่มชะลอลงบ้างแล้วก็ตาม
สัญญาณที่หลากหลายเหล่านี้สะท้อนว่า แม้อัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นความกังวล แต่การประชุม Fed Meeting กันยายน อาจมีแนวโน้ม Dovish มากขึ้น เนื่องจากข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอช่วยให้เฟดมีเหตุผลเพียงพอที่จะดำเนินการ Rate Cut แม้เงินเฟ้อจะยังไม่ได้ถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ การเติบโตของค่าจ้างที่ซบเซายังบ่งชี้ว่า กำลังซื้อของครัวเรือน อาจอ่อนแรงลงในช่วงเดือนข้างหน้า ส่งผลให้ Consumer Demand ลดลง เฟดจึงต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ละเอียดอ่อน: หาก ปรับลดดอกเบี้ยเร็วเกินไป ความเสี่ยงเงินเฟ้ออาจกลับมาปะทุอีกครั้ง แต่หาก เคลื่อนไหวช้าเกินไป แรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจทวีความรุนแรง
ดังนั้น การตัดสินใจในการประชุมเดือนกันยายนจึงไม่ใช่เพียง การปรับลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว แต่คือการส่งสัญญาณถึงท่าทีระยะยาวของเฟด นักลงทุนจึงเฝ้าจับตาทุกถ้อยคำจาก Powell เพื่อหาสัญญาณว่าเฟดมีแนวโน้มจะดำเนินการ Rate Cut เพิ่มเติมหรือไม่

อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยและตลาดบ้าน

เมื่อมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยอาจเริ่มปรับตัวลดลง แต่ไม่ใช่ทันที ปัจจัยที่ทำให้ซับซ้อนคือ นโยบายงบดุลของเฟด โดยเฉพาะการทยอยลดการถือครองตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อบ้านเป็นหลักประกัน (MBS)
PIMCO ระบุว่า หากเฟดต้องการลด Mortgage Rates อย่างมีนัยสำคัญ ควรพิจารณาหยุดหรือลดความเร็วในการปล่อย MBS ออกจากงบดุล หรือแม้แต่กลับมาลงทุนซ้ำ ซึ่งมาตรการเหล่านี้อาจช่วยลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านลงได้ราว 20–30 Basis Points และหากใช้มาตรการที่เข้มข้นกว่านี้ อาจลดลงได้ถึง 40–50 Basis Points
ประเด็นนี้มีความสำคัญ เนื่องจาก ความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัย ของประชาชนยังอยู่ในระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ แม้ว่ายอดขายบ้านจะเริ่มชะลอลงก็ตาม การเปลี่ยนทิศทางของเฟด ในการประชุมเดือนกันยายนอาจช่วยผู้ซื้อบ้านใหม่ได้บ้างในทางอ้อม แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าสถานการณ์จะไม่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลและ Mortgage Rates ยังคงกว้าง เนื่องจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และความต้องการลงทุนที่จำกัด ด้วยเหตุนี้ การประชุม Fed Meeting กันยายน จึงอาจมีผลเชิงสัญลักษณ์ต่อภาคที่อยู่อาศัยมากกว่าจะส่งผลจริง หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เจาะจงเพิ่มเติม

การตอบสนองของตลาด

ตลาดพันธบัตรและเส้นอัตราผลตอบแทน

นักลงทุนหันมาซื้อพันธบัตรระยะยาวมากขึ้น ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย โดยการประชุม Fed Meeting กันยายน มีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยลง 25 bps ทำให้พันธบัตรที่มีอายุตราสารระยะยาวเป็นที่ต้องการมากขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลดลง ในขณะที่พันธบัตรระยะสั้นยังคงสะท้อนการคาดการณ์ต่อการเคลื่อนไหวของเฟดในระยะใกล้ ส่งผลให้เส้น Yield Curve มีแนวโน้มชันขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปสะท้อนถึงความคาดหวังต่อนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในที่สุด
แนวโน้มการชันขึ้นของ Yield Curve มีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากในอดีต เส้นอัตราผลตอบแทนที่กลับหัว— ซึ่งอัตราผลตอบแทนระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว — มักเป็นสัญญาณเตือนภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากเดือนกันยายนเป็นจุดเริ่มต้นของการชันขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนอาจมองว่านี่เป็นสัญญาณว่าเฟดกำลังจัดการเพื่อหลีกเลี่ยงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปในทิศตรงกันข้ามก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้น หากเงินเฟ้อยังคงยืดเยื้อ ตลาดพันธบัตรอาจกลับมาผันผวนอีกครั้ง โดยเฉพาะการเทขายพันธบัตรระยะยาวอย่างฉับพลัน สำหรับนักลงทุนทั่วโลก ผลลัพธ์จากการประชุม Fed Meeting กันยายน อาจเป็นตัวกำหนดทิศทางการไหลเวียนของเงินทุน ทั้งในตลาดเกิดใหม่และตลาดพัฒนาแล้ว

ตลาดหุ้นและความเชื่อมั่นใน

ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นล่วงหน้าก่อนการประชุมเฟดเดือนกันยายน เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ถึงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง ดัชนีสำคัญหลายแห่งทำสถิติสูงสุดใหม่จากความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ยังมีความระมัดระวังอยู่ หากมีข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งออกมาก่อนการประชุม อาจทำให้ถ้อยแถลงของเฟดมีลักษณะเข้มงวด ซึ่งอาจกดดันตลาดและเพิ่มความผันผวนได้
หุ้นเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง เนื่องจากเป็นหุ้นที่พึ่งพาเงินทุนและการเติบโตระยะยาว ขณะที่ภาคธนาคารและพลังงานมีการตอบสนองที่ผสมผสานกัน — ดอกเบี้ยที่ต่ำลงอาจกดดันกำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร ขณะที่หุ้นพลังงานยังคงผูกติดกับราคาน้ำมันมากกว่านโยบายของเฟด
โดยรวมแล้วทิศทางหลักชี้ให้เห็นว่าเฟดที่มีท่าทีผ่อนคลายมักเป็นแรงหนุนตลาดหุ้น หากการประชุมเดือนกันยายนมาพร้อมกับการปรับลดดอกเบี้ยและการส่งสัญญาณเชิงบวกต่ออนาคต ตลาดหุ้นทั่วโลกอาจต่อยอดการฟื้นตัวไปจนถึงไตรมาส 4 แต่ทั้งนี้ นักลงทุนควรตระหนักว่าความผันผวนมักพุ่งสูงในช่วงวันประชุมเฟด และการเคลื่อนไหวของตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังถ้อยแถลงของประธานพาวเวล

สกุลเงินและสินค้าโภคภัณฑ์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงก่อนการประชุมเฟดเดือนกันยายน สะท้อนถึงความคาดหวังของตลาดต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินยูโร ดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ขณะที่ราคาทองคำพุ่งทะลุสถิติสูงสุดใหม่ ได้แรงหนุนจากทั้งดอลลาร์ที่อ่อนค่าและความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หากผลการประชุมออกมาในเชิงผ่อนคลาย แนวโน้มดังกล่าวอาจยิ่งชัดเจนขึ้น ส่งผลดีต่อสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ่อนไหวต่อค่าเงินดอลลาร์ รวมถึงค่าเงินตลาดเกิดใหม่
สำหรับน้ำมัน ภาพรวมยังมีความซับซ้อน แม้ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเป็นปัจจัยบวก แต่ความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงานในสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวกดดันแรงซื้อไว้ ขณะที่โลหะอุตสาหกรรม เช่น ทองแดงและอะลูมิเนียม ปรับตัวขึ้นจากความหวังว่าต้นทุนการเงินที่ลดลงจะกระตุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า การประชุมเฟดเดือนกันยายนไม่ได้ส่งผลเพียงต่อสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งการค้าและวัฏจักรสินค้าโภคภัณฑ์โลกด้วย

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน

ปัจจัยพื้นฐาน

ประเด็นสำคัญยังคงอยู่ที่ แรงกดดันเงินเฟ้อ แม้เงินเฟ้อจะยังสูงกว่าเป้าหมาย แต่ความเร็วของการปรับขึ้นราคาชะลอตัวลงจากช่วงปี 2022–2023 การประชุมเฟดเดือนกันยายนจึงขึ้นอยู่กับว่าความกดดันด้านราคา ยังคงอยู่หรือเริ่มอ่อนแรงลง หากข้อมูลเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่คาด อาจทำให้เฟดต้องระมัดระวังมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่หากเงินเฟ้อชะลอตัวลงต่อไป ก็อาจเปิดทางให้เกิดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
อีกปัจจัยหนึ่งคือ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งอ่อนตัวลงอย่างเห็นได้ชัด แบบสำรวจต่าง ๆ สะท้อนว่าครัวเรือนเริ่มกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความมั่นคงในการทำงานและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ขณะที่การเติบโตของค่าจ้างก็ชะลอตัวลง ปัจจัยเหล่านี้อาจสร้าง วงจรสะท้อนกลับ : ความต้องการที่อ่อนแอลงช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อ แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะถดถอย ดังนั้นการสื่อสารของเฟดในเดือนกันยายนจึงต้องรักษาสมดุลระหว่าง ความเป็นจริงกับความเชื่อมั่น โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้ตลาดมองว่าเฟดกำลัง นิ่งเฉยเกินไป หรือ ตื่นตระหนกเกินไป

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ตลาดพันธบัตร: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีแนวโน้มลดลง โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี กำลังทดสอบระดับแนวรับสำคัญที่ 4.0% หากหลุดต่ำกว่านี้ อาจเป็นสัญญาณการปรับขึ้นของราคาพันธบัตรอย่างแข็งแกร่ง และช่วยหนุนความเชื่อมั่นต่อท่าทีผ่อนคลายของเฟด
ตลาดหุ้น: ดัชนีหุ้นหลักอย่าง Nasdaq และ S&P 500 ทำระดับสูงสุดระหว่างวัน หากหลังการประชุมเฟดเดือนกันยายนมีการส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลาย การทะลุกรอบอาจส่งสัญญาณในการปรับตัวขึ้น แต่หากไม่เป็นไปตามคาด อาจเห็นการพักฐานหรือเคลื่อนไหวสะสมกำลังแทน
ตลาดเงิน: ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) กำลังทดสอบระดับแนวรับต่ำสุดในรอบหลายปี หากหลุดลงมาอย่างชัดเจน อาจก่อให้เกิดแรงขายต่อเนื่อง หนุนราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคเตือนว่าตลาดหุ้นกำลังอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) ซึ่งหมายความว่าหากเฟดไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ อาจเกิดแรงขายทำกำไรและการปรับฐานรุนแรงได้
สรุป: ภาพรวมทางเทคนิคยังคงเป็นบวก แต่เปราะบางและขึ้นอยู่กับท่าทีของนโยบายเฟดเป็นหลัก

มุมมองจากนักวิเคราะห์

นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำที่ร่วมสำรวจโดย Reuters คาดการณ์ว่าการประชุมเฟดเดือนกันยายนจะมีการปรับลดดอกเบี้ย 25 จุดเบสิสพอยต์ และส่วนใหญ่ยังมองว่าจะมีการปรับลดเพิ่มเติมอย่างน้อยอีกหนึ่งครั้งก่อนสิ้นปีนี้ ด้านโบรกเกอร์และนักกลยุทธ์การตลาดระบุว่าตลาดฟิวเจอร์สได้สะท้อนการคาดการณ์ดังกล่าวไปเกือบเต็มแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลว่าหากเงินเฟ้อไม่ชะลอลงตามคาด เฟดอาจลดความเร็วในการผ่อนคลายนโยบาย
นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงหลัก 3 ประการ:
  1. ความเสี่ยงเชิงบวก: หากประธานเฟด Jerome Powell ส่งสัญญาณว่าอาจ “ลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว” (One and Done) อาจทำให้ตลาดหุ้นถูกเทขาย และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทันที
  2. การสื่อสารของเฟดสำคัญกว่าการตัดสินใจ: Dot Plot และการตอบคำถามของ Powell จะมีบทบาทอย่างมากต่อการกำหนดจิตวิทยาตลาดในระยะหลายเดือนข้างหน้า
  3. แรงกดดันทางการเมือง: ก่อนเข้าสู่รอบการเลือกตั้งปี 2026 นักลงทุนกังวลว่าหากเฟดถูกมองว่ามีการแทรกแซงทางการเมือง อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของตลาดได้
ที่น่าสนใจคือ มีบางฝ่ายเสนอให้เฟดดำเนินการเชิงรุกมากขึ้น โดยตัดดอกเบี้ย 50 จุดเบสิสพอยต์ทันทีในเดือนกันยายน เพื่อ “นำหน้า” ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ขณะที่อีกฝ่ายโต้แย้งว่าการเคลื่อนไหวเร็วเกินไปอาจทำลายความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า การประชุมเฟดเดือนกันยายนไม่ใช่แค่การปรับจูนเชิงนโยบาย แต่คือการวัด ความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่น ต่อธนาคารกลางที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก

บทสรุป

เมื่อใกล้ถึงเส้นตายการประชุมเฟดวันที่ 17 กันยายน ตลาดต่างเห็นพ้องกันมากขึ้นว่ามีโอกาสสูงที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 25 จุดเบสิสพอยต์ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของปี 2025 การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางข้อมูลตลาดแรงงานที่อ่อนแอ เงินเฟ้อที่ยังสูงกว่ากรอบเป้าหมาย และแรงกดดันทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ผลลัพธ์ของการประชุม รวมถึงการสื่อสารแนวทางในอนาคตของเฟด อาจส่งผลสะเทือนต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตร หุ้น ค่าเงินทั่วโลก รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน
ประเด็นสำคัญที่ควรจับตา:
  • การปรับลดดอกเบี้ยแทบจะถูกคาดการณ์ไว้แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือท่าทีและสัญญาณของเฟดต่อการปรับลดในอนาคต
  • ทิศทางของเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง หากเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นหรือไม่ชะลอตามคาด เฟดอาจส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ตลาดคาด
  • สินทรัพย์อื่น ๆ เช่น ทองคำและค่าเงินต่างประเทศ มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงและความคาดหวังต่อการผ่อนคลายนโยบาย

ติดตามข่าวสารล่าสุดได้ที่ Dupoin & Dupoin Academy

 
 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
การลงทุนในตราสารอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
กรุณาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ผลิตภัณฑ์ และกฎเกณฑ์ในการซื้อขายอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
การซื้อขายถือเป็นความรับผิดชอบของท่านโดยสมบูรณ์ บริษัทไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือผลกระทบใด ๆ ที่เกิดจากการลงทุนของท่าน

คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง
การซื้อขายด้วยมาร์จิ้นมีความเสี่ยงสูงจากกลไกเลเวอเรจ อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน และไม่มีการรับประกันผลกำไรใด ๆ
ควรหลีกเลี่ยงการใช้เงินทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ และพิจารณาให้รอบด้านถึงความรู้ ประสบการณ์ของท่าน ก่อนตัดสินใจลงทุน

ต้องการความช่วยเหลือ?
คลิกที่นี่