

วิเคราะห์ตลาด
การคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย หนุนราคาทองคำทำสถิติสูงสุดท่ามกลางความผันผวนตลาด
Miki · 433.4K จำนวนการดู
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนพลิกผันอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อวันอังคารราคาทองคำสปอตแตะระดับประมาณ 3,651 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้แรงขับเคลื่อนจากดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง และความเชื่อมั่นใหม่ต่อแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินการปรับขึ้นครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่พาดหัวข่าวโดดเด่น แต่สะท้อนถึงกระแสลึกในเศรษฐกิจและการเงินโลก สำหรับนักลงทุน ผู้กำหนดนโยบายและตลาดการเงิน การทำความเข้าใจแนวโน้มเฟดลดดอกเบี้ยถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้างในยุทธศาสตร์การเงินและความต้องการรับความเสี่ยง
ช่วงเวลานี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะการปรับขึ้นของทองคำเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ การขาดดุลงบประมาณและการเติบโตที่เปราะบางในหลายประเทศพัฒนาแล้ว เมื่อทองคำทะลุสู่ระดับสูงสุดใหม่ตลาดการเงินทั่วโลกกำลังจับตามองว่า นี่จะเป็นการเริ่มต้นของแนวโน้มโครงสร้างระยะยาวหรือไม่ นักลงทุนไม่ได้ตั้งคำถามเพียงว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย “เมื่อไร” แต่ยังถามต่อไปว่า “จะลดดอกเบี้ยเชิงรุกเพียงใดและผลกระทบจะกระจายไปเร็วแค่ไหน
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
ตลาดแรงงานสหรัฐอ่อนแอ หนุนความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย
ข้อมูลการจ้างงานเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานขยับขึ้นเป็น 4.3% สะท้อนแรงกดดันต่อเฟดในการปรับลดดอกเบี้ย
ความเป็นไปได้ของการปรับลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ เครื่องมือ CME FedWatch ชี้โอกาส 88–92% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนกันยายน ขณะที่บางฝ่ายยังคาดการณ์ถึงการลด 0.50% เงินเฟ้อสูง ตลาดแรงงานชะลอ ความท้าทายต่อเฟด
แม้อัตราเงินเฟ้อยังเกินกว่าเป้าหมาย 2% แต่แรงส่งจากตลาดแรงงานที่อ่อนแรงอาจบังคับให้เฟดหันมาใช้นโยบายผ่อนคลายเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยทองคำสะท้อนจิตวิทยานักลงทุน
ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุด แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเชื่อมั่นว่าเฟดอาจจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อป้องกันการชะลอตัวรุนแรงของเศรษฐกิจ
กลยุทธ์ทุนสำรองระหว่างประเทศ
ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังหันมาใช้ ทองคำมากขึ้นในฐานะส่วนประกอบเชิงป้องกันของ ทุนสำรองระหว่างประเทศรายงานหลายฉบับชี้ว่า ทองคำได้มีมูลค่าสูงกว่าแม้กระทั่ง พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในพอร์ตทุนสำรองของบางประเทศ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญในด้านความเชื่อมั่นทางการเงินโลก นอกจากนี้ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อกรอบการคลัง ยังตอกย้ำให้ทองคำมีบทบาทเพิ่มขึ้นในฐานะ สินทรัพย์ปลอดภัยเชิงกลยุทธ์
ประเทศเศรษฐกิจหลักอย่าง จีน อินเดีย และตุรกี ได้เพิ่มการซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องไม่เพียงเพื่อการกระจายความเสี่ยง แต่ยังใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ แนวโน้มนี้สะท้อนถึงการปรับโครงสร้างเชิงกลยุทธ์ระยะยาว ที่การพึ่งพาตราสารหนี้ของสหรัฐ ค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยสินทรัพย์ที่จับต้องได้
สำหรับ ประเทศตลาดเกิดใหม่ทองคำมีความหมายเสมือน ประกันทางการเงินเพื่อป้องกันวิกฤตค่าเงินและการไหลออกของเงินทุน เมื่อกลยุทธ์การถือครองทุนสำรองเหล่านี้พัฒนาไปเรื่อย ๆ ผลกระทบสะสมจะช่วยหนุนอุปสงค์ทองคำโลกและอาจเป็นแรงผลักดันให้ ราคาทองคำรักษาแนวโน้มขาขึ้นไปจนถึงปี 2026
การตอบสนองของตลาด
การพุ่งขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนของทองคำ
ราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 38% นับตั้งแต่ต้นปี 2025 ต่อเนื่องจากการปรับขึ้น 27% ในปีที่ผ่านมา ในการซื้อขายล่าสุด ราคาทองคำสปอตขยับขึ้นแตะ 3,651.38 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าเดือนธันวาคมปรับตัวใกล้ระดับ 3,690.90 ดอลลาร์ ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิคคาดการณ์ว่า ทองคำอาจพุ่งไปทดสอบระดับ 3,700–3,730 ดอลลาร์ โดยการย่อตัวถูกมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ
การปรับขึ้นในลักษณะนี้ถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ความเร็วของการเร่งตัวสะท้อนให้เห็นว่าเม็ดเงินลงทุนสามารถไหลเปลี่ยนทิศทางได้อย่างรวดเร็ว เมื่อความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพทางการเงินสั่นคลอน นักวิเคราะห์ชี้ว่าแนวโน้มราคาทองคำในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากแรงเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์เชิงโครงสร้างที่แข็งแกร่ง
กองทุนทองคำประเภทอีทีเอฟกลับมามีการไหลเข้าของเงินลงทุนอีกครั้ง ขณะเดียวกันนักลงทุนรายย่อยในเอเชีย กำลังเพิ่มการซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ทำให้การปรับขึ้นของราคาทองคำครั้งนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากหลายกลุ่มนักลงทุน ทั้งสถาบันและรายย่อย
ความเคลื่อนไหวในตลาดการเงินที่กว้างขึ้น
ความต้องการของนักลงทุนกำลังเอียงไปสู่การถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรร่วงลง ทองคำยิ่งมีความน่าสนใจมากขึ้น ขณะเดียวกันโลหะมีค่าอื่น ๆ อย่างเงิน แพลทินัม และพัลลาเดียม ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนแนวโน้มที่กว้างขึ้นว่า ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายการเงินและการอ่อนค่าของสกุลเงิน นักลงทุนกำลังเปลี่ยนจากการรับความเสี่ยงไปสู่การแสวงหาที่หลบภัย
ในตลาดหุ้นความผันผวนเพิ่มสูงขึ้นหุ้นในกลุ่มวัฏจักรอ่อนแรงลง ขณะที่หุ้นในกลุ่มป้องกันความเสี่ยงเริ่มได้รับแรงหนุน ส่วนในตลาดเงิน ดัชนีดอลลาร์สหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี แสดงถึงแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย แม้แต่คริปโตเคอร์เรนซีก็กลับมาได้รับความสนใจ แต่ด้วยความผันผวนสูงจึงยังไม่สามารถทดแทนบทบาทของทองคำในฐานะ สินทรัพย์ปลอดภัยอันดับหนึ่ง ได้
ความเชื่อมโยงระหว่างสินทรัพย์ต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่า เพียงแค่การเปลี่ยนทิศทางครั้งเดียวของตลาด โดยเฉพาะการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการปรับพอร์ตครั้งใหญ่ทั่วทั้งตลาดการเงินโลกได้
การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน
สัญญาณทางเทคนิค
ในประเทศอินเดีย ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดที่ 108,060 รูปีต่อ 10 กรัม ได้แรงหนุนจากสัญญาณทางเทคนิคหลายด้าน ทั้งค่า RSI ที่อยู่ใกล้ระดับ 54.7 การตัดขึ้นของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงสัญญาณบวกจาก MACD ที่บ่งชี้ถึงโมเมนตัมขาขึ้น ส่งผลให้นักวิเคราะห์แนะนำกลยุทธ์ “ซื้อเมื่อย่อตัว” ซึ่งสะท้อนถึงแรงส่งที่แข็งแกร่งของราคาทองคำ ท่ามกลางกระแสความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด
นักลงทุนสายโมเมนตัมมองว่าการที่ราคาทองคำทะลุระดับ 3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้น และอาจเปิดทางไปสู่การปรับขึ้นรอบใหม่ นักวิเคราะห์กราฟชี้เพิ่มเติมว่าทองคำสามารถ ทะลุกรอบสะสมตัวระยะยาว ได้แล้ว ซึ่งช่วยเพิ่มน้ำหนักต่อมุมมองฝั่งขาขึ้น
นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายยังบ่งชี้ว่าแรงหนุนไม่ได้มาจากการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น แต่มีส่วนร่วมจากนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ ทำให้การปรับขึ้นมีฐานที่แข็งแรงมากขึ้น แม้อาจมีการพักตัวระยะสั้นแต่ทุกครั้งที่ราคาย่อตัวก็มักถูกเข้าซื้อทันที ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนของ แนวโน้มขาขึ้นที่ทรงพลัง
ปัจจัยพื้นฐานที่หนุนราคาทองคำ
การปรับขึ้นของราคาทองคำมีแรงขับเคลื่อนจากปัจจัยพื้นฐานหลายประการ ได้แก่ เงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงการลดลงของอัตราดอกเบี้ยแท้จริงและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า โดยในปี 2025 ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงถึง 10% ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับทองคำที่ซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้การเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องของธนาคารกลาง โดยเฉพาะจากจีน ยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างอุปสงค์อย่างยั่งยืน
นอกเหนือจากนโยบายการเงินแล้วปัจจัยทางการเมืองก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางเพิ่มสูงขึ้นท่ามกลางแรงกดดันทางการคลังที่ทวีความรุนแรงหากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อสถาบันการเงินและการคลังเริ่มสั่นคลอน บทบาทเชิงคุณค่าของทองคำก็จะยิ่งโดดเด่นมากขึ้น
ในระยะสั้น ตลาดยังจับตาข้อมูลเงินเฟ้อสำคัญ โดยเฉพาะ ดัชนีราคาผู้ผลิตและ ดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นสำคัญ หากข้อมูลยืนยันว่าเงินเฟ้อยังคง “เหนียว” อยู่ในระดับสูงก็จะเพิ่มความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเร็วและแรงยิ่งขึ้น
ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
สถาบันการเงินระดับโลกหลายแห่งได้ออกมาคาดการณ์เชิงบวกต่อ ราคาทองคำมากขึ้นเรื่อย ๆ โดย UBS คาดว่าราคาทองคำอาจพุ่งแตะระดับ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในกลางปี 2026 ขณะที่ Goldman Sachs ประเมินว่าความเสี่ยงต่อ ความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ อาจผลักดันราคาทองคำขึ้นไปสูงสุดถึง 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยสมมติฐานนี้ตั้งอยู่บนการเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนครั้งใหญ่จากพันธบัตรไปสู่การถือครองทองคำ หากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อสถาบันนโยบายของสหรัฐสั่นคลอน
อย่างไรก็ตาม นักกลยุทธ์การลงทุนเตือนว่าแม้ความเสี่ยงด้านขาขึ้นเป็นปัจจัยหลัก แต่ไม่ควรมองข้ามด้านขาลง หากเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตดีกว่าคาด หรือเงินเฟ้อลดลงอย่างรวดเร็ว เฟดอาจใช้แนวทางผ่อนคลายที่ช้าลง ซึ่งจะทำให้โมเมนตัมของทองคำอ่อนตัวลงบ้าง แต่โครงสร้างขาขึ้นในภาพรวมยังคงอยู่ โดยมีแรงหนุนจากการปรับพอร์ตการลงทุนไปสู่ สินทรัพย์ที่จับต้องได้ อย่างต่อเนื่อง
Peter Grant นักกลยุทธ์จาก Zaner Metals คาดว่าทองคำยังคงได้รับแรงสนับสนุนต่อเนื่อง จากทั้ง ตลาดแรงงานสหรัฐที่อ่อนแอ และแนวโน้มการ ลดดอกเบี้ยของเฟด ที่อาจยืดเยื้อไปถึงต้นปี 2026 ขณะที่ Fawad Razaqzada จาก City Index มองถึงความสมดุลที่เปราะบาง หากการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐฟื้นตัว อาจกดดันราคาทองคำได้ชั่วคราว แต่โดยรวมเขาย้ำว่า กระแสหลักยังคงหนุนทองคำและทิศทางนโยบายของเฟดมีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น ความเห็นเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นเชิงบวกอย่างระมัดระวังที่กำลังเป็นฉันทามติของตลาดในปัจจุบัน
บทสรุป
กล่าวโดยสรุปความคาดหวังที่ตลาดมีต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด ได้กลายเป็นตัวเร่งสำคัญที่ผลักดันให้เกิด การพุ่งขึ้นของราคาทองคำในระดับประวัติศาสตร์ การปรับขึ้นครั้งนี้ได้รับแรงหนุนจาก ข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ สัญญาณผ่อนคลายจากธนาคารกลาง และความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อสินทรัพย์แบบดั้งเดิม สะท้อนให้เห็นถึงการประเมินใหม่เกี่ยวกับ ความเสี่ยงและมูลค่าในตลาดการเงินโลก
สำหรับนักลงทุนที่มองหาที่หลบภัยในภาวะความไม่แน่นอน ทองคำไม่ได้เป็นเพียงสินทรัพย์ที่กำลังปรับตัวสูงขึ้น แต่กำลังนิยามบทบาทใหม่ในพอร์ตการลงทุนปี 2025 เมื่อถึงเวลาที่ตลาดต้องเผชิญกับรายงานเงินเฟ้อ และสัญญาณจากการประชุม FOMC คำถามที่เหลือไม่ใช่ว่าทองคำจะยืนราคาได้หรือไม่ แต่คือ ทองคำจะสามารถพุ่งขึ้นไปได้สูงเพียงใด
ในอีกด้านหนึ่งผู้กำหนดนโยบายเองก็ต้องเตรียมรับมือกับ ผลกระทบจากการไหลเวียนของเงินทุนโลกที่อาจเปลี่ยนแปลงสมดุลของเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว
ติดตามข่าวสารล่าสุดได้ที่ Dupoin & Dupoin Academy
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
การลงทุนในตราสารอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
กรุณาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ผลิตภัณฑ์ และกฎเกณฑ์ในการซื้อขายอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
การซื้อขายถือเป็นความรับผิดชอบของท่านโดยสมบูรณ์ บริษัทไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือผลกระทบใด ๆ ที่เกิดจากการลงทุนของท่าน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง
การซื้อขายด้วยมาร์จิ้นมีความเสี่ยงสูงจากกลไกเลเวอเรจ อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน และไม่มีการรับประกันผลกำไรใด ๆ
ควรหลีกเลี่ยงการใช้เงินทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ และพิจารณาให้รอบด้านถึงความรู้ ประสบการณ์ของท่าน ก่อนตัดสินใจลงทุน
