

วิเคราะห์ตลาด
หุ้นเอเชียพุ่งแรง หลังสหรัฐฯ–รัสเซียเจรจาผ่อนคลายตึงเครียด; นิกเกอิทำสถิติสูงสุดใหม่
Daniel · 69.5K จำนวนการดู
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในวันที่ 18 สิงหาคม 2025 ได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ–รัสเซีย และบรรยากาศเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้อต่อการลงทุนทั่วโลก การปรับตัวครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นทำสถิติสูงสุดใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่สามารถพลิกโฉมความเชื่อมั่นนักลงทุนและทิศทางตลาดในภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว บทวิเคราะห์นี้จะเจาะลึกผลกระทบทางเศรษฐกิจ การตอบสนองของตลาด ปัจจัยทางเทคนิค มุมมองผู้เชี่ยวชาญ และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นต่อไป
จัดรูปแบบแปลไทยตามโครงสร้างที่คุณส่งมาให้ครับ — แบ่งหัวข้อชัดเจน สำนวนทางการ อ่านเข้าใจง่าย เหมาะใช้เป็นบทความหรือรีพอร์ต:
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
การคลี่คลายความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
ความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากสัญญาณเชิงบวกของการเจรจาระหว่าง สหรัฐฯ–รัสเซีย แม้การประชุมไม่ได้จบลงด้วยข้อตกลงสำคัญ แต่การที่สถานการณ์ไม่บานปลายได้ช่วยบรรเทาความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมัน และลดเบี้ยความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ปัจจัยเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อการปรับทิศทางของความเชื่อมั่นนักลงทุน ทำให้ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น และผลักดันดัชนีหุ้นเอเชียให้ฟื้นตัว
แรงผ่อนคลายเพิ่มเติมจากราคาพลังงานยังช่วยให้นานาประเทศโดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่สามารถบริหารแรงกดดันด้านเงินเฟ้อได้ดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ อีกทั้งนักลงทุนยังเริ่มให้ความสำคัญกับบทบาทของการทูต แม้จะจำกัด แต่ก็อาจช่วยลดความผันผวนที่กดดันตลาดตลอดปีที่ผ่านมา
ค่าเงินและพลวัตทางการค้า
การอ่อนค่าของเงินเยนราว 0.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐได้หนุนภาคการส่งออก หุ้น โตโยต้า (+1.6%) และ ฮอนด้า (+1.2%) ปรับตัวขึ้น ขณะที่ดัชนี Nikkei index พุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ 43,683.56 จุด การผสมผสานระหว่างแรงกดดันภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดลงและการเคลื่อนไหวของค่าเงินที่เอื้อประโยชน์ สร้างบรรยากาศเชิงบวกให้กับการฟื้นตัวของตลาดหุ้นเอเชีย
อย่างไรก็ตาม เยนที่อ่อนค่ายังคงสร้างคำถามต่อท่าทีในอนาคตของ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยเฉพาะในขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อยังไม่สมดุล นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตาว่าหากค่าเงินเยนอ่อนต่อเนื่อง อาจบีบให้ผู้กำหนดนโยบายญี่ปุ่นเข้ามาแทรกแซง ซึ่งอาจลดทอนแรงหนุนในระยะยาว
การตอบสนองของตลาด
ตลาดหุ้นภูมิภาคขยับขึ้น
ตลาดหุ้นเอเชียโดยรวมเข้าร่วมการปรับตัวขึ้น ญี่ปุ่นเป็นผู้นำ แต่ดัชนีหลักอื่น ๆ ก็ตามมา เช่น Shanghai Composite ของจีนเพิ่มขึ้น 1.2%, Hang Seng ของฮ่องกงขยับขึ้น 0.3% ขณะที่ตลาดเกาหลีใต้และออสเตรเลียปรับตัวแบบผสมผสาน
ความแตกต่างนี้สะท้อนถึงความท้าทายในประเทศที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ความกังวลภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงด้านอุปสงค์ผู้บริโภคในออสเตรเลีย อย่างไรก็ตาม ทิศทางโดยรวมที่เป็นบวกยังแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวพร้อมกันของตลาดเอเชีย เมื่อความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงระดับโลกปรับตัวดีขึ้น
ตลาดหุ้นอินเดียโดดเด่น
ในอินเดีย แรงขับเคลื่อนโดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่น ดัชนี Sensex กระโดดขึ้นกว่า 1,000 จุด และ Nifty50 เพิ่มขึ้นประมาณ 1.45% ได้แรงหนุนไม่เพียงแค่จากปัจจัยภายนอก แต่ยังมาจากปัจจัยภายใน ได้แก่ การปฏิรูป GST และการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือโดย S&P
การพุ่งแรงครั้งนี้สะท้อนบทบาทที่เติบโตของอินเดียในฐานะแหล่งดึงดูดเงินทุนต่างชาติ โดยเฉพาะเมื่อนักลงทุนต้องการกระจายความเสี่ยงจากตลาดจีน นโยบายที่ชัดเจนยังช่วยเสริมความมั่นใจต่อนักลงทุนในเส้นทางการคลัง สะท้อนแนวโน้มการเติบโตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
การวิเคราะห์เชิงเทคนิคและพื้นฐาน
มุมมองเชิงเทคนิค
-
ญี่ปุ่น: การที่นิกเกอิและ Topix ทำสถิติสูงสุดใหม่ บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยนิกเกอิซื้อขายสูงกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน สะท้อนแรงเชื่อมั่นจากนักลงทุน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนถึงภาวะ "ซื้อมากเกินไป" ที่อาจทำให้เกิดการปรับฐานระยะสั้น
-
อินเดีย: ดัชนี Nifty50 มีกรอบการซื้อขาย 24,200–24,800 จุด ซึ่งถือเป็น “โซนตัดสินใจ” ของตลาด สถาบันการเงินและนักลงทุนกำลังจับตาสัญญาณสภาพคล่องและผลประกอบการเพื่อใช้เป็นตัวเร่งสำหรับการเบรกเอาต์ครั้งต่อไป
ปัจจัยพื้นฐาน
-
ผลประกอบการและค่าเงิน: ผู้ส่งออกญี่ปุ่นได้ประโยชน์จากเยนอ่อน ทำให้การคาดการณ์ผลกำไรสูงขึ้น
-
นโยบายภายในประเทศ: การปฏิรูป GST และการปรับเพิ่มเครดิตของอินเดียช่วยเสริมพื้นฐานที่มั่นคง
-
ความเชื่อมั่นนักลงทุน: การลดลงของความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ดึงดูดกระแสเงินทุนใหม่เข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะจากนักลงทุนโลกที่มองหาการเติบโตนอกสหรัฐฯ และยุโรป
ขณะเดียวกัน การประชุม Jackson Hole Symposium ที่กำลังจะมาถึง ถือเป็นจุดจับตาสำคัญ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน หากเกิดขึ้นจริงจะเป็นแรงหนุนเพิ่มเติมให้กับตลาดหุ้นเอเชีย
ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
แม้ไม่มีคำพูดโดยตรงจากแหล่งข่าว แต่สามารถตีความได้ว่า:
-
นักกลยุทธ์ มองสถิติสูงสุดใหม่ของญี่ปุ่นเป็นสัญญาณยืนยันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงระดับโลก คล้ายการรีเฟลชันรอบก่อน
-
นักวิเคราะห์มหภาค เน้นโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน (~85%) ซึ่งเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อหุ้น
-
นักเศรษฐศาสตร์อินเดีย ชี้ว่านโยบายภายในประเทศ (GST reform, credit upgrade) ร่วมกับแรงหนุนภายนอกถือเป็น “การจัดวางที่หายาก” สำหรับตลาดเอเชีย
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวไม่ได้กระจายไปทุกกลุ่ม หุ้นส่งออกปรับขึ้นแรง แต่หุ้นธนาคารญี่ปุ่นกลับอ่อนตัวเพราะกังวลอัตราดอกเบี้ยและส่วนต่างกำไร สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวที่ไม่สม่ำเสมอระหว่างอุตสาหกรรม
ภาพรวม
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2025 จากการคลี่คลายความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การเคลื่อนไหวของค่าเงินที่เอื้ออำนวย และพลังจากนโยบายในประเทศ ดัชนีญี่ปุ่นที่ทำสถิติสูงสุดและแรงพุ่งของอินเดีย แสดงถึงโมเมนตัมที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการเมืองสหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงเป็นตัวแปรสำคัญ นักลงทุนจึงจำเป็นต้องรักษาความคล่องตัวในการวางกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
เมื่อพิจารณาแนวโน้มข้างหน้า หากเงื่อนไขการเงินโลกยังคงผ่อนคลาย กระแสเงินทุนสู่เอเชียมีแนวโน้มเร่งตัวมากขึ้น ยืนยันบทบาทของภูมิภาคในฐานะเครื่องยนต์การเติบโตในปี 2025
ติดตามข่าวสารล่าสุดได้ที่ Dupoin & Dupoin Academy
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
การลงทุนในตราสารอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
กรุณาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ผลิตภัณฑ์ และกฎเกณฑ์ในการซื้อขายอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
การซื้อขายถือเป็นความรับผิดชอบของท่านโดยสมบูรณ์ บริษัทไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือผลกระทบใด ๆ ที่เกิดจากการลงทุนของท่าน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง
การซื้อขายด้วยมาร์จิ้นมีความเสี่ยงสูงจากกลไกเลเวอเรจ อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน และไม่มีการรับประกันผลกำไรใด ๆ
ควรหลีกเลี่ยงการใช้เงินทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ และพิจารณาให้รอบด้านถึงความรู้ ประสบการณ์ของท่าน ก่อนตัดสินใจลงทุน