

BTC ร่วงท่ามกลางภาวะเลี่ยงความเสี่ยง แนวรับสำคัญที่ $106,800


United States
ตลาดสหรัฐฯ เผชิญแรงกดดัน หลังประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้อพยพออกจากกรุงเตหะราน กระตุ้นความกังวลเรื่องความขัดแย้งทางทหารและทำให้บรรยากาศการลงทุนเสี่ยงลดลง (Risk-off) ดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ขณะที่ราคาน้ำมันและทองคำปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลาง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 4.43% สะท้อนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยได้รับแรงหนุนจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย และคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 18 มิถุนายน นักลงทุนรอจับตาแผนภูมิ dot plot และถ้อยแถลงของประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง
United Kingdom
ค่าเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 1.36 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดรอผลการประชุมเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในสัปดาห์นี้ แม้คาดว่า BoE จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ท่ามกลางแนวโน้มเงินเฟ้อที่เริ่มผ่อนคลาย นักลงทุนยังคงจับตาท่าทีด้านนโยบายการเงินอย่างใกล้ชิด เนื่องจากความไม่แน่นอนของการค้าทั่วโลกและความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
แม้ความกังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่างอิหร่านและอิสราเอลจะเริ่มคลี่คลาย ทำให้บรรยากาศในตลาดทรงตัวมากขึ้น แต่ดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่า จากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย สัปดาห์นี้ ตลาดจับตาทั้ง BoE, Fed และ BOJ เพื่อหาสัญญาณทิศทางนโยบายการเงินในช่วงครึ่งปีหลัง
Bitcoin (BTCUSD)
การวิเคราะห์พื้นฐาน
บิตคอยน์ฟื้นตัวขึ้นมาใกล้ระดับ $108,800 แต่ไม่สามารถยืนระยะได้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ซึ่งส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนเปลี่ยนเป็นโหมดระมัดระวัง (Risk-off) ส่งผลให้ราคากลับมา ร่วงต่ำกว่า $108,000 และหลุดแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น แม้ยังยืนเหนือระดับ $106,800 และเส้นค่าเฉลี่ย 100 ชั่วโมงได้ หากราคาหลุดแนวรับที่ $105,500 อาจเปิดทางให้ราคาย่อลงต่อ สู่โซน $103,500 – $102,000
ด้าน Bitwise คาดการณ์ว่า BTC อาจแตะระดับ $140,000 ภายใน 50 วัน โดยอ้างอิงจากรูปแบบทางประวัติศาสตร์และกระแสเงินไหลเข้ากองทุน ETF อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ต้นทุนการขุดบิตคอยน์พุ่งทะลุ $70,000 จากการเพิ่มขึ้นของค่า Hashrate และราคาค่าไฟฟ้า ซึ่งเริ่มกดดันผลกำไรของนักขุดที่มีประสิทธิภาพต่ำ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาบิตคอยน์มีการรีบาวด์เล็กน้อยในระยะสั้น หลังดีดตัวจากแนวรับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 อย่างไรก็ตาม ราคายังคงเผชิญแรงต้านสำคัญบริเวณ $109,356 ซึ่งเป็นโซน Bearish Order Block โดยยังไม่เห็นแรงส่งที่ชัดเจนเพื่อเบรกทะลุแนวต้านดังกล่าว
ปริมาณการซื้อขาย: เพิ่มขึ้นเล็กน้อยขณะราคาดีดจาก EMA 200 แต่ยังไม่มีสัญญาณเร่งตัวใกล้แนวต้าน $109,000 สะท้อนแรงซื้อที่ยังคงจำกัดในโซนนี้

USD/JPY

การวิเคราะห์พื้นฐาน
ค่าเงิน USD/JPY ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะระดับ 145 ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แม้ตลาดคาดว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% แต่นักลงทุนจับตาสัญญาณการลดการเข้าซื้อพันธบัตร ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่พุ่งสูงขึ้น
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและสถานการณ์ตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ หลังประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้อพยพออกจากกรุงเตหะรานเต็มรูปแบบ ขณะเดียวกัน ความล้มเหลวในการเจรจาข้อตกลงด้านภาษีกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อิชิบะ ในที่ประชุม G7 ก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินเยน ขณะนี้ตลาดรอจับตาสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนหน้า
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
USD/JPY ยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะไซด์เวย์ โดยมีการฟื้นตัวเล็กน้อยหลังจากร่วงลงก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่สามารถทะลุแนวต้านสำคัญได้ โดยราคายังแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 142.35 ถึง 145.50
ในช่วงที่ผ่านมา มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยระหว่างจังหวะขาขึ้น ซึ่งสนับสนุนการรีบาวด์รอบนี้ อย่างไรก็ตาม แท่งเทียนล่าสุดเป็นลักษณะขาลง (Bearish Candle) พร้อมกับวอลุ่มที่ต่ำ สะท้อนถึงความลังเลของตลาดบริเวณแนวต้าน
ขณะนี้ราคาขึ้นมายืนเหนือเส้น EMA ทั้ง 3 เส้นได้ โดยเฉพาะการทะลุ EMA 200 ถือเป็นสัญญาณบวกในระยะสั้น แสดงถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่เริ่มชัดเจนขึ้น

Gold Spot(XAUUSD)
การวิเคราะห์พื้นฐาน
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแตะบริเวณ $3,390 ต่อออนซ์ หลังความตึงเครียดในตะวันออกกลางปะทุอีกครั้งจากเหตุการณ์ที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่กรุงเตหะราน กระตุ้นแรงซื้อในสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าอิหร่านแสดงท่าทีพร้อมกลับมาเจรจานิวเคลียร์ หากสหรัฐฯ ไม่เข้ามาแทรกแซงในความขัดแย้ง แต่ตลาดยังคงสะท้อนความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ในระดับสูง ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำร่วงลงแรง 1.4% เมื่อต้นสัปดาห์ เนื่องจากความผันผวนที่เกิดจากพัฒนาการในการเจรจา
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนพฤษภาคม ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม และการประชุม FOMC ในวันที่ 18 มิถุนายน ซึ่งคาดว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ แต่มีโอกาสส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินในไตรมาส 3 ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ทรงตัวและตลาดแรงงานที่เริ่มชะลอลง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำยังคงยืนเหนือเส้น EMA 34, EMA 89 และ EMA 200 ซึ่งสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น โดยโครงสร้างราคายังคงแสดงลักษณะ “Higher Highs” และ “Higher Lows” ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง
อย่างไรก็ตาม ระดับยอดล่าสุดใกล้ $3,451.5 เริ่มแสดงสัญญาณอ่อนแรง อาจมีโอกาสเกิดการพักตัวระยะสั้น
ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นชัดเจนระหว่างการเบรกทะลุแนวต้าน $3,380 ซึ่งยืนยันแรงซื้อในรอบที่ผ่านมา ขณะนี้ปริมาณวอลุ่มที่ลดลงในช่วงราคาย่อตัว บ่งชี้ว่าเป็นการพักฐานที่แข็งแรง (Healthy Correction) มากกว่าการขายทำกำไรแบบรุนแรง (Distribution)

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
การลงทุนในอนุพันธ์เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่สำคัญ ซึ่งอาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนของคุณได้ คุณควรอ่านและศึกษาความถูกต้องตามกฎหมายของบริษัท ผลิตภัณฑ์ และกฎระเบียบการซื้อขายอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนเงินของคุณ โปรดรับผิดชอบและมีความรับผิดชอบในการซื้อขายของคุณ
คำเตือนความเสี่ยงในการซื้อขาย
การทำธุรกรรมผ่านมาร์จิ้นเกี่ยวข้องกับกลไกการใช้เลเวอเรจ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง และอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทุกคน ไม่มีการรับประกันผลกำไรจากการลงทุนของคุณ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังผู้ที่สัญญาผลกำไรจากการซื้อขาย ควรหลีกเลี่ยงการใช้เงินที่คุณไม่พร้อมจะขาดทุน ก่อนตัดสินใจทำการซื้อขาย ควรให้ความสำคัญในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องและพิจารณาประสบการณ์ของคุณด้วย

